WAKAME PHUKET

WAKAME PHUKET ( วากาเมะภูเก็ต )

WAKAME PHUKET ( วากาเมะภูเก็ต ) ด้วยเรื่องสาหร่ายวากาเมะ เป็นสาหร่ายที่มีแร่ธาตุสูงมาก ที่อยู่ในน้ำลึกจะมีสีน้ำตาล หรืออาจจะพบเจอได้ที่ประเทศญี่ปุ่น และเกาหลี นั่นเอง เป็นแคลอรี่ต่ำมาก เหมาะกับการลดน้ำหนัก เพราะอุดมไปด้วย โปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุ อาทิเช่น วิตามินเอ วิตามินบี วิตามินซี โซเดียม แคลเซียม และฟอสฟอรัส ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายเรามาก และดีต่อสุขภาพอีกด้วย เป็นการลดความเสี่ยงของการก่อเกิดโรคเบาหวาน ลดภาวะดื้ออินซูลิน และต่อต้านมะเร็งได้อีก

 

เชื่อกันว่าหลายคนอาจจะรู้จัก สาหร่ายวากาเมะ ( Wakame ) หรืออาจจะเคยรับประทานกัน เป็นสาหร่ายที่สามารถนำไปทำอาหาร ได้ทุกรูปแบบ ทุกเมนูอีกด้วย โดยเฉพาะอาหารญี่ปุ่นที่มักจะนิยมใช้กันมาก ใส่เป็นยำ หรือเป็นน้ำซุปมิโซะ เป็นสาหร่ายที่ได้รับความนิยมสูงมาก รสชาติจะออกหวาน และนุ่มมาก มีคุณค่าทางอาหารสูตรมาก

 

สาหร่ายมักเติบโตทางตอนใต้ ของเกาะฮอกไกโดในฝั่งทะเลญี่ปุ่น บนชายฝั่งแปซิฟิกตะวันตกเฉียงใต้ตั้งแต่ฮอกไกโดถึงคิวชู และบนชายฝั่งทั้งสองฝั่งทางตอนใต้ของคาบสมุทรเกาหลีใกล้ กับแนวน้ำลง

 

Wakame มีประโยชน์หลากหลาย อร่อย และง่ายต่อการเพิ่มในครัวของคุณ สามารถใช้ในสูตรอาหารได้หลากหลาย โดยปกติจะขายแบบแห้ง และบรรจุหีบห่อเพื่อเพิ่มลงในสลัดและอาหารญี่ปุ่น เช่น ซุปมิโซชิโระ และราเมน

 

 

WAKAME PHUKET ประโยชน์หลัก ๆ

วากาเมะเป็นสาหร่าย ที่สามารถทานได้ชนิดหนึ่ง และยังมีการได้รับการปลูกใน ประเทศญี่ปุ่น และประเทศเกาหลี ที่มีมานานหลายศตวรรษ นอกจากการนำรสชาติ และเนื้อสัมผัสที่เป็นเอกลักษณ์มาสู่ซุป และสลัดแล้ว วากาเมะยังมีแคลอรี่ต่ำ แต่ยังมีสารอาหารที่จำเป็นต่อสุขภาพสูงมากอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีรายการประโยชน์มากมายรวมถึงสุขภาพหัวใจที่ดีขึ้น และการลดน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น ประโยชน์ต่อสุขภาพที่น่าประหลาดใจมากอีกด้วย

 

  1. แคลอรี่ต่ำและอุดมไปด้วยสารอาหาร

วากาเมะมีแคลอรีต่ำแต่ให้สารอาหารที่สำคัญในปริมาณที่ดี

 

แม้ในปริมาณเล็กน้อย ก็สามารถช่วยเพิ่มปริมาณแร่ธาตุ เช่น ไอโอดีน แมงกานีส โฟเลต แมกนีเซียม และแคลเซียม เพื่อช่วยให้คุณได้รับสารอาหารที่จำเป็น

 

คุณค่าทางโภชนาการของ สาหร่ายวากาเมะ ( 10 กรัม )

  • Calories ( แคลอรี่ ) : 5
  • Peotein ( โปรตีน ) : 0.5 กรัม
  • Carbs ( คาร์โบไฮเดรต ) : 1 กรัม
  • Iodine ( ไอโอดีน) : 280% ของปริมาณอ้างอิงรายวัน (RDI)
  • Manganese ( แมงกานีส ) : 7% ของ RDI
  • Folate ( โฟเลต ) : 5% ของ RDI
  • Sodium ( โซเดียม ) : 4% ของ RDI
  • Magnesium ( แมกนีเซียม ) : 3% ของ RDI
  • Calcium ( แคลเซียม ) : 2% ของ RDI

 

และนอกจากนี้ยังมี วิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 วิตามินซี วิตามินอี วิตามินเค และสารอาหารอื่น ๆ อีกเยอะมาก เป็นประโยชน์ที่ดีต่อร่างกายเรา เช่น เป็นการต่อต้านอนุมูลอิสระของสารฟูโคแซนทีน ( Fucoxanthin )

 

  1. ลดความเสี่ยงของโรคเบาหวาน

เป็นการลดความเสี่ยงในการก่อให้เกิด โรคเบาหวาน เพราะสารฟูโคแซนทีน และสารฟูคอยแดน ( Fucoidan ) สาหร่ายวากาเมะ เป็นสารแคโรทีนอยด์ ส่วนมากจะพบในสาหร่ายทะเลสีน้ำตาล และยังมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยในการควบคุมน้ำตาลในเลือด

 

  1. ช่วยในการบำรุงหัวใจ

จะมีส่วนช่วยในเรื่องควบคุมระดับโลหิต หรือลดระดับคอเลสเตอรอล ที่อยู่ในเส้นเลือดนั่นอง ซึ่งหากความดันโลหิตจะอยู่ในปกติ หรือเหมาะสม อาจจะช่วยในลดความเสี่ยงของการเกิดโรคต่าง ๆ ที่จะตามมาอีก ของโรคหัวใจ หรือหลอดเลือด เช่น หัวใจ หรือหลอดเลือดสมอง

 

ตัวอย่างเช่น การศึกษาหนึ่งสัปดาห์เป็นเวลา 10 สัปดาห์แสดงให้เห็นว่า การให้สารที่สกัดจากวากาเมะ กับหนูช่วยลดความดันโลหิตซิสโตลิก ได้อย่างมีนัยสำคัญ

 

  1. ฤทธิ์ต้านมะเร็ง

สาหร่ายจะมีฟูโคแซนทีน เป็นสารที่ช่วยในการต้านอนุมูลอิสระที่ออกฤทธิ์ เป็นการก่อให้เกิดปฏิกิริยาออกมาเป็น ออกซิเดชัน ( Oxidative stress ) เป็นการสาเหตุที่เกิดให้ โรคมะเร็ง เป็นการช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตได้อีกทาง กระตุ้นเป็นมะเร็งตายได้โดยของมนุษย์

 

  1. อาจลดน้ำตาลในเลือด และเพิ่มความต้านทานต่ออินซูลิน

การศึกษาบางชิ้นพบว่าวากาเมะ สามารถช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด และปรับปรุงความต้านทานต่ออินซูลินเพื่อเสริมสร้างสุขภาพโดยรวม การศึกษาสี่สัปดาห์หนึ่งชิ้นแสดงให้เห็นว่าการเสริมสาหร่ายทะเล 48 กรัมทุกวันช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดในผู้ป่วยเบาหวาน 20 คนได้อย่างมีนัยสำคัญ

 

การศึกษาอื่นในสัตว์แสดง ให้เห็นว่าวากาเมะสามารถป้องกันการดื้อต่ออินซูลิน ซึ่งเป็นภาวะที่บั่นทอนความสามารถของร่างกายในการใช้อินซูลินอย่างมีประสิทธิภาพในการขนส่งน้ำตาลไปยังเซลล์ของคุณ ซึ่งทำให้น้ำตาลในเลือดสูง

 

ประวัติของ สาหร่ายวากาเมะ

เกษตรกรทางทะเลของญี่ปุ่นเพาะเลี้ยงสาหร่าย ชนิดนี้มาตั้งแต่สมัยนารา วากาเมะเป็นสำนวนโบราณที่ใช้เรียกสาหร่ายประเภทต่าง ๆ เมื่อเวลาผ่านไป สาหร่ายทะเล เริ่มมีความโดดเด่น ปรากฏคาจิเมะ คอมบุ อะราเมะ และอื่นๆ การปรากฏตัวครั้งแรกในเอกสารตะวันตกอยู่ใน Nippo Jisho และเรียกว่า Vacame จนกระทั่งช่วงปี 1960 สาหร่ายถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายในสหรัฐอเมริกาและประเทศตะวันตกอื่น ๆ โดยส่วนใหญ่ใช้ในซูชิบาร์ นักเดินเรือชาวญี่ปุ่น และชาวเกาหลีปลูกวากาเมะมานานหลายศตวรรษ และยังคงเป็นผู้ผลิต และผู้บริโภครายใหญ่ เคลป์ญี่ปุ่นได้รับการปลูกฝังในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 1983

 

ข้อควรระวังในการบริโภค

แม้จะมีประโยชน์ แต่ก็ยังมีอันตรายจากการบริโภคอาหาร จากประเภทใดประเภทหนึ่งมากเกินไป การที่วากาเมะอุดมไปด้วยไอโอดีนทำให้ คุณเองก็ต้องระมัดระวังในการบริโภค โดยไม่เกิน 20 กรัมต่อวัน

 

หากต้องการลดวากาเมะที่มีไอโอดีนต่ำลงมาก ๆ คุณสามารถรับประทานพร้อมกับบรอกโคลี กะหล่ำปลี และถั่วแระ ซึ่งมักจะดูดซับไอโอดีน การบริโภคในปริมาณที่มาก

เกินไปอาจส่งผลย้อน กลับต่อต่อมไทรอยด์ และทำให้เกิดอาการต่าง ๆ เช่น มีไข้ ปวดท้อง คลื่นไส้ และท้องเสีย วากาเมะที่ขาดน้ำอาจมีโซเดียมสูง ดังนั้นหากคุณมีปัญหาเกี่ยวกับความดัน ควรรับประทานด้วยความระมัดระวัง บางชนิดอาจมีโลหะหนัก แต่ก็มีปริมาณน้อยโดยไม่ต้องกังวล

 

ในความเป็นจริง คุณไม่ต้องกังวลมากนักเมื่อรับประทานวากาเมะ บางคนไม่คุ้นเคยกับการได้ยินสิ่งนี้ แต่เป็นการเตือนเช่นเดียวกับอาหารทั่วไป เราไม่ต้องการที่จะกีดกันการบริโภคของมันแต่อย่างใด เหมือนอ่านใบปลิวยา และเห็นผลข้างเคียงที่หายาก

 

  • เนื่องด้วยสาหร่ายวากาเมะ เป็นสาหร่ายทะเล จึงควรมีเสี่ยงอยู่ ในการปนเปื้อนของ โลหะ หรือสารอื่น ๆ ซึ่งการรับประทานเข้าไปเวลานาน ๆ อาจจะทำให้เกิดการสะสมขึ้น และอาจจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้อีกด้วย
  • สาหร่ายที่มีปริมาณไอโอดีนสูง เป็นการรับประทานในปริมาณที่มากเกินไป จะมีการส่งผลในภาวะต่อต่อมไทรอยด์ หรือจะมีอาการใกล้เคียงคือ มีไข้ หรือคลื่นไส้ ปวดท้อง และอาเจียนได้อีกด้วย
  • วากาเมะบางยี่ห้อจะมีการการผสมโซเดียมเยอะ หรือมากเกินไป จึงทำรับประทานในปริมาณอย่างพอดี ไม่มากเกินไป
  • สาหร่ายจะมีวิตามินเค ที่เป็นตัวที่ช่วยให้เลือดแข็งตัว อาจจะมีการส่งผลลต่อการออกฤทธิ์ของยาละลายลิ่มเลือด